ทำไมแมนยู vs ลิเวอร์พูล ถึงเป็นตำนานคู่ปรับตลอดกาล?

แมนยู vs ลิเวอร์พูล

man u

liverpool

เมื่อคำว่า ”ศึกแดงเดือด” ใช่สื่อความหมายถึงวันนั้นของเดือน แต่แท้จริงคือเกมใหญ่ระหว่าง  แมนยู vs ลิเวอร์พูล เกมฟุตบอลที่มากกว่าทีมใหญ่เจอกัน แต่เป็นเรื่องราวที่สืบทอดมายาวนานเกินกว่าศตวรรษ ลามจนรากเหง้าของความขัดแย้งนี้ฝังลึกตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

กับเรื่องราวของสองเมืองที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและความเจริญ ลามเข้าสู่เกมฟุตบอล ความสำเร็จในอดีตของ แมนยู และ ลิเวอร์พูล ผลัดกันครองความยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกนัดเป็นเหมือนเกมแห่งศักดิ์ศรี ไม่ว่ารูปแบบการแข่งขันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แมตช์นี้ยังคงดึงสายตาแฟนบอลทั่วโลกได้ทุกครั้งที่ฟาดแข้ง เราจะพาคุณไปย้อนดูที่มาที่ไปกัน

แมนยู vs ลิเวอร์พูล

เสียงเชียร์ เสียงโห่ และเสียงเพลงประจำสโมสรดังตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมจนหลังจบ เสียงทุกเสียงเหมือนพลังที่ไหลเข้าสู่ร่างกายนักเตะ ทำให้เกมนี้เต็มไปด้วยจังหวะดุดันเกินปกติ

  1. เดิมพันทางจิตวิทยา – แพ้แล้วไม่ใช่แค่เสียแต้ม แต่เสียหน้าต่อทั้งเมือง
  2. การเจอกันของยุคทอง – ทั้งสองทีมเคยมีช่วงเวลาครองลีกอย่างยาวนาน
  3. เหตุการณ์ดราม่าในอดีต – จากใบแดงปัญหาถึงประตูชัยท้ายเกมที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์

พลังของแดงเดือดไม่เคยจาง และแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แฟนบอลทั้งสองฝั่งยังคงรอแมตช์นี้ด้วยใจเต้นแรง

แมนยู vs ลิเวอร์พูล

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งคู่มีแมตช์ที่สร้างรอยแผลและความทรงจำมากมายสลับกัน  ทั้งชัยชนะถล่มทลายและความพ่ายแพ้ที่เจ็บลึก เช่น การคัมแบ็กของแมนยูในปี 1999 หรือชัยชนะของลิเวอร์พูลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปี 2009 เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนตารางคะแนน แต่ยังเปลี่ยนทิศทางของฤดูกาลทั้งฤดูกาล

  • 1999 เอฟเอคัพ รอบ 4 – แมนยูพลิกแซงชนะ 2-1 ในช่วงท้ายเกม
  • 2009 พรีเมียร์ลีก – ลิเวอร์พูลบุกชนะแมนยู 4-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
  • 2018 พรีเมียร์ลีก – มูรินโญ่พาแมนยูชนะ 2-1 ด้วยแท็กติกปิดเกมที่สมบูรณ์แบบ

วันที่ 5 มีนาคม 2023 ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปอย่างขาดลอย 7-0 สร้างสถิติที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ในศึกแดงเดือดครั้งนี้ เพราะเป็นชัยชนะที่ทิ้งห่างที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยุคพรีเมียร์ลีก

แมนยู vs ลิเวอร์พูล

มากไปกว่านั้นจากสกอร์ที่จบห่างกันมากถึง 7 เม็ด ยังเป็นความพ่ายแพ้ที่ร้ายแรงที่สุดของแมนยูในประวัติศาสตร์บอลอังกฤษด้วย ประตูจากกัคโป, นูนเญซ, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน่ช่วยกันถล่มตาข่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้แอนฟิลด์กลายเป็นสนามแห่งความทรงจำของแฟนบอลลิเวอร์พูล ในขณะที่อีกฝั่งแมนยู ต้องเจอกับช่วงเวลาอันแสนขมที่ยากจะลืม

เขาวิจารณ์เกมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดบุกแพ้ลิเวอร์พูล 7-0 ว่า เป็นผลการแข่งขันที่น่าตกใจและน่าอับอายสำหรับทีมปีศาจแดง โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นของนักเตะบางรายที่เขาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน พร้อมระบุว่าสภาพจิตใจและภาษากายของผู้เล่นส่งผลให้เกมย่ำแย่ขึ้นไปอีก นอกจากนี้ แกรี่ เนวิลล์ ยังชี้ว่าแมนยูขาดสมาธิและเล่นด้วยสติที่หลุด ทำให้ลิเวอร์พูลกดดันและทำคะแนนได้ต่อเนื่องจนจบเกมด้วยผลลัพธ์ขาดลอย เขายังเน้นย้ำว่าแมนยูต้องทบทวนและแก้ไขปัญหาภายในโดยเร็วหากหวังกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้ง