ความรักของแฟนบอลทำให้แมนยูเป็นตำนานทีมได้อย่างไร?

แฟนบอลแมนยู

Man United

Army

สถานะการเป็น แฟนบอลแมนยู ไม่ใช่เพียงผู้ชมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ แต่เรดอาร์มีคือฐานพลังงานดิบที่ขับเคลื่อนให้สโมสรกลายมาเป็น “ตำนาน” อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เรื่องราวแฟนบอลกับสโมสรได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีอิทธิพลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่าแค่คำว่าฟุตบอล แต่คือสัญลักษณ์ของความศรัทธาและความภักดีที่ไม่เคยเสื่อมคลาย

เมื่อบางครั้งความรักนั้นก็มาในรูปแบบการเชียร์สุดขั้ว บางครั้งก็มาในรูปแบบการต่อต้านที่สุดขั้วเพื่อสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดกับสโมสร อย่างเหตุการณ์แฟนบอลแมนยูเดินออกสนาม เพื่อส่งเสียงสะท้อนว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร” และนี่คือเรื่องราวความสำคัญของแฟนบอลผีแดงว่าสำคัญกับทีมแมนยูมากแค่ไหนจนทำให้ทีมกลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างวันนี้

แฟนบอลแมนยู

เรื่องราวแฟนบอลตำนาน ไม่ใช่เรื่องเล่าชวนฝัน แต่เป็นหลักฐานว่าแฟนบอลมีส่วนในการสร้างเส้นทางของสโมสร ตั้งแต่เหตุการณ์ Munich Air Disaster 1958 ที่แฟนบอลทั่วโลกยืนหยัดเคียงข้างทีมด้วยน้ำตา จนถึงการเฉลิมฉลองแชมป์ยุคเฟอร์กูสัน แฟนบอลคือ “เส้นเลือดใหญ่” ของความยิ่งใหญ่ทั้งมวล

  1. โศกนาฏกรรมมิวนิก (1958): ความเสียใจไม่เพียงรุมเร้าแฟน ๆ แต่พวกเขาเปลี่ยนมันเป็นการรวมพลังสนับสนุนทีมเยาวชนที่ต้องขึ้นมาแทนชุดหลัก
  2. ยุคเฟอร์กูสัน (1990s–2000s): การเชียร์ล้นหลามในทุกสนาม กลายเป็นกำลังใจที่ผลักดันให้นักเตะสร้างประวัติศาสตร์แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย
  3. การต่อต้านเจ้าของสโมสร: แฟนบอลรวมตัวกันก่อตั้งทีม FC United of Manchester เพื่อแสดงจุดยืนว่าสโมสรคือของประชาชน

เคยมีการเปิดเผยว่า ในยุคเฟอร์กี้ แฟนบอลบางกลุ่มเดินทางเชียร์ทีมถึง 40 เกมต่อปี ติดต่อกันกว่า 20 ฤดูกาล ไม่มีทีมใดในโลกที่ได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องได้นานขนาดนี้ แต่แมนยูไนเต็ดสร้างแรงบันดาลใจให้สิ่งนี้เกิดกับแฟนบอลขึ้นมาได้

แฟนบอลแมนยู

มีขาวย่อมมีดำ แฟนบอลแมนยูไม่ได้มีแต่ผู้ภักดีที่แสนโรแมนติกฝั่งเดียวฉันใด อีกด้านหนึ่งที่หัวรุนแรง ดุดันและน่ากลัวขึ้นไปอีกระดับก็มีด้วยฉันนั้น นั่นคือกลุ่มฮูลิแกนที่เรียกกันว่า “Inter City Jibbers” (ICJ) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุค 1970s พวกเขามักรวมตัวกันเพื่อปะทะกับกลุ่มแฟนบอลทีมคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นแมนซิตี้, ลีดส์, ลิเวอร์พูล หรือเชลซี ชื่อเสียงของ ICJ กลายเป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลอังกฤษว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนบอลที่ “เอาเรื่อง” ที่สุดกลุ่ม หากอยากปะทะก็พร้อมชนเสมอ

  • พวกเขามักเดินทางด้วยรถไฟ InterCity เพื่อปกปิดการเคลื่อนไหว และเข้าห้ำหั่นกับกลุ่มแฟนบอลคู่แข่ง
  • ใช้สัญลักษณ์และรหัสลับเฉพาะกลุ่มเพื่อสื่อสารกันในการนัดหมาย
  • มีระบบจัดการแบบไม่เป็นทางการ แต่มี “แกนนำ” ที่คอยกำหนดทิศทางและเป้าหมาย
แฟนบอลแมนยู

หลายคนอาจไม่รู้ว่า ในยุครุ่งเรืองของ ICJ นั้น ตำรวจอังกฤษถึงกับตั้งหน่วยพิเศษเพื่อคอยสอดส่องแฟนบอลแมนยู โดยเฉพาะกลุ่มกองเชียร์นี้ เพราะชื่อเสียงของพวกเขามีผลต่อภาพลักษณ์ทั้งลีกอังกฤษในช่วงทศวรรษ 80–90 วงในเคยเล่าว่า บางเกมใหญ่ ๆ เช่นเจอกับลิเวอร์พูล กลุ่มฮูลิแกนแมนยูสามารถระดมคนได้มากกว่าพันคน และเคลื่อนไหวเป็น “เครือข่าย” ไปทั่วประเทศ ไม่ได้จำกัดแค่ในแมนเชสเตอร์

ความรักที่จริงจัง บางครั้งก็มาพร้อมความดุดัน แฟนบอลไม่ได้แค่เชียร์ แต่ยังพร้อม “เดินออก” เพื่อส่งเสียงค้าน นี่คือสิ่งที่ทำให้โลกต้องจับตามอง

การเดินออกจากสนามไม่ใช่เพราะเลิกรัก แต่เป็นเพราะรักมากจึงกล้า “สะเทือน” สโมสร เหตุการณ์แฟนบอลแมนยูเดินออกสนามเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการบริหารของตระกูลเกลเซอร์ มันเป็นการประกาศชัดว่า “แฟนบอลคือเจ้าของตัวจริง” การประท้วงเช่นนี้ทำให้ทั้งโลกหันมามองว่า แมนยูไม่ได้เป็นเพียงทีมบอลธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่แฟนทุกคนไม่ต่างกับการเป็นเจ้าของทีม

  • การเดินออกคือการบอกว่า สโมสรไม่อาจอยู่เหนือหัวใจแฟนบอล
  • มันคือวิธีการต่อรองที่รุนแรง แต่ทรงพลัง
  • บางครั้งการเงียบเชียร์คือเสียงที่ดังกว่าทุกการตะโกน

มีข้อมูลวงในว่า ในบางเกมพรีเมียร์ลีก ยอดผู้ถือตั๋วปีที่เดินออกพร้อมกันคิดเป็นกว่า 15% ของความจุโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือเป็นการแสดงออกที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แม้จะเดินออกจากสนามไปแล้ว แต่ใจยังไม่เคยเลิกรักแมนยูเลยจริง ๆ แล้วนี่แหละคือคำถามเดือด ๆ ที่รอคำตอบว่า ความรักบ้าคลั่งนี้มันทำให้แมนยูกลายเป็นตำนานชัดเจนหรือเปล่า? อยากรู้มั้ย? งั้นตามมาดูคำตอบแบบเจ็บ ๆ กันในหัวข้อต่อไปเลย!

แฟนบอลแมนยู