เอริก คันโตนา อะไรทำให้เขากลายเป็นตำนานแมนยูในใจแฟนบอล?

เอริก คันโตนา

eric

cantona

เดอะคิงแห่ง โอลด์แทรฟฟอร์ด ศิลปินแห่งวงการลูกหนัง หรือแบดบอยของคู่ต่อสู่ อะไรคือนิยามที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ เอริก คันโตนา ชื่อที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะไม่มีวันลืม  ใช่เพียงเพราะฝีเท้าที่ไม่มีใครเกิน แต่คือความมั่นใจ กล้าหาญ และความเป็นผู้นำที่เขานำมาสู่ทีมช่วงยุค 90s จนเปลี่ยนโฉมหน้าสโมสรไปตลอดกาล

หากจะพูดถึงคันโตนา คงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่พ่วงมากับคำนี้ “ตำนานนักเตะแมนยู” เพราะสิ่งที่เขาสร้างไว้ทั้งในและนอกสนาม ได้กลายเป็นรากเหง้าวัฒนธรรมของสโมสร และจากเหตุการณ์อย่าง “เอริค คันโตน่า กระโดดถีบ” ยิ่งตอกย้ำว่านักเตะคนนี้ มันไม่ธรรมดา เราจะพาคุณไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้นในบทความนี้

คอนดักเตอร์ผู้คุมจังหวะในวงออร์เคสตรายังไง ก็องโต้ก็คุมจังหวะเกมให้ทีมได้ฉันนั้น เขาใช้แผ่นหลังเป็นโล่ ใช้ปลายเท้าเป็นพู่กัน และใช้สายตาเป็นเข็มทิศให้เพื่อนร่วมทีมวิ่งตาม คอเสื้อตั้งไม่ใช่ท่าทาง แต่มันคือ “ประกาศิต” ว่าวันนี้เขาจะครอบครองพื้นที่เส้นแบ่งระหว่างเกมรับและเกมรุก ความนิ่งในพายุของเขาทำให้คู่แข่งลังเลในช่วงเวลา และเป็นการเปิดช่องว่างที่แมนยูใช้ลงโทษศัตรู บุคลิกของเขาไม่ได้หวือหวาเพื่อกล้อง แต่ชัดเจนพอจะเปลี่ยนสโมสรให้กลายเป็นมาตรฐาน และนี่คือจุดเด่นของเขาในสนาม

คิง เอริกมีวิสัยทัศน์การเล่นกว้างไกล การจ่ายบอลเฉียบคม และการยิงที่เด็ดขาด เขาเป็นกองหน้าที่สามารถถอยต่ำมาเชื่อมเกม หรือขึ้นไปจบสกอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคที่โดดเด่นที่สุดคือ first touch ที่นุ่มนวลและการใช้ร่างกายบังบอลแบบไร้ที่ติจนคู่แข่งยากที่จะเข้าถึงบอล

คันโตนามักเดินลงสนามด้วยคอปกเสื้อที่ตั้งขึ้นราวกับนักรบโบราณเดินเข้าสู่สมรภูมิ ความมั่นใจของเขาไม่ใช่เพียงแค่การโชว์ แต่เป็นการส่งสัญญาณให้คู่แข่งรู้ว่า “วันนี้พวกแกเจองานหนักแน่ ๆ” นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้นำที่กล้ารับผิดชอบในจังหวะกดดัน ไม่กลัวที่จะตัดสินใจเสี่ยงเพื่อเปลี่ยนผลการแข่งขัน และสิ่งนี้เองที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเชื่อมั่นและพร้อมเดินตาม

สไตล์และบุคลิกของเขาทำให้แมนยูในยุค 90s มีความน่าเกรงขาม และกลายเป็นทีมที่คู่แข่งเกรงใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม

เอริค คันโตน่า กระโดดถีบ
เอริค คันโตน่า กระโดดถีบ

สรรพคุณเลิศรส แต่ก็กลายเป็นยาขมได้เพียงจังหวะเดียว จากเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำของแฟนผี คืนหนึ่งที่เซลเฮิร์สต์ พาร์ก ไฟสนามไม่สว่างเท่าประกายสายตาของคนทั้งโลกหลังเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น หลังใบแดง ความเดือดของคำหยามก่อให้เกิดภาพจำชั่วพริบตา กระโดดถีบที่โลกทั้งใบต้องหยุดหายใจ มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ใครภาคภูมิ แต่มันคือเสี้ยววินาทีที่เผย “ด้านดิบ” ของคนที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของทีม

ผลที่ตามมาคือ บทลงโทษหนักและการหายไปยาวนาน แต่เงาของเขายังลอยอยู่บนอัฒจันทร์ทุกครั้งที่ชื่อถูกเอ่ย เรื่องนั้นกลายเป็นตำนานสีกลาง ทั้งบาดแผลและเครื่องหมายการค้าในคนๆ เดียว

วันที่ 25 มกราคม 1995 เกมพบคริสตัล พาเลซ คันโตนาโดนไล่ออกจากสนาม หลังเดินออก เขาหันไปเห็นแฟนเจ้าถิ่นตะโกนด่าและเหยียดหยาม เขาจึงกระโดดถีบแบบกังฟูใส่แฟนคนนั้น เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก

  1. ถูกแบนยาว 8 เดือน และปรับเงินจำนวนมาก
  2. กลายเป็นสัญลักษณ์ของความดิบและหัวร้อนในตัวเขา
  3. แม้จะเป็นด้านมืด แต่แฟนบอลหลายคนมองว่าเป็นการยืนหยัดปกป้องศักดิ์ศรี

เหตุการณ์นี้แม้จะเสี่ยงต่อชื่อเสียง แต่ก็ยิ่งทำให้คันโตนากลายเป็น “ไอคอน” ที่มีทั้งรักและเกลียดในคนเดียวกัน

เอริก คันโตนา