Author: admin
-
ประตูไหนของเวย์น รูนี่ย์ คือที่สุดในตำนานแมนยู?
ประตูไหนของ เวย์น รูนี่ย์ ที่ถูกยกให้เป็นตำนานแมนยูตลอดกาล? ไม่มีแฟนบอลแมนยูคนไหนลืมประตูของเด็กระเบิดที่โอเวอร์เฮดคิกใส่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2011 ได้ จังหวะนั้นหาใช่แค่การยิงที่สวยงามจนทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็น ตำนานแมนยู แต่เป็นประตูตัดสินเกมดาร์บี้แมตช์ในช่วงที่ทั้งสองทีมแย่งชิงความยิ่งใหญ่แห่งหมุดหมายเมืองแมนเชสเตอร์กันอย่างดุเดือด และเขาทำมันได้!! รูนี่ย์ไม่เพียงใช้สัญชาตญาณนักล่าอย่างแท้จริง แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความกล้าในช่วงเวลาที่มีความกดดันสูงสุด ประตูนี้จึงกลายเป็นภาพจำที่อยู่ในใจแฟนบอลทั่วโลกและถูกนำไปพูดถึงในฐานะหนึ่งในลูกยิงที่ดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก การเตรียมตัวก่อนศึกดาร์บี้ที่ไม่มีใครรู้ ก่อนแมตช์นี้ รูนี่ย์ซ้อมท่ายิงโอเวอร์เฮดคิกในสนามซ้อมแคร์ริงตันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาสองวันเต็ม เพื่อนร่วมทีมบางคนหัวเราะคิดว่าเป็นแค่การเล่นสนุก แต่เจ้าตัวตั้งใจใช้มันหากโอกาสเหมาะมาถึง ซึ่งเมื่อบอลของนานี่ลอยมาในมุมพอดี เขาก็ไม่ลังเลที่จะเสี่ยง และทำให้โลกได้เห็นหนึ่งในประตูที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก แม้ประตูนี้จะถูกยกให้เป็นที่สุด แต่เหตุผลที่มันกลายเป็น “ประตูสวย” ในตำนานไม่ได้มีแค่รูปแบบการยิง ความสำคัญของมันต่อเกมและความรู้สึกแฟนบอลในสนามคือสิ่งที่ยกให้มันขึ้นหิ้ง ทุกประตูรวมทักษะและจังหวะอย่างลงตัว เบื้องหลังความงามของลูกยิงนี้ไม่ได้มีแค่การตีลังกายิงอย่างแม่นยำ แต่ยังรวมถึงความสำคัญของสถานการณ์ รูนี่ย์ยิงประตูนี้ในช่วงท้ายเกม ซึ่งไม่เพียงตัดสินผลการแข่งขัน แต่ยังย้ำสถานะความเป็นเบอร์หนึ่งของแมนยูในเมืองแมนเชสเตอร์ ท่ามกลางเสียงกดดันจากแฟนซิตี้ที่หวังเห็นทีมพลิกสถานการณ์ การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีของเขาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันที และกลายเป็นไฮไลต์ที่ถูกเปิดซ้ำจนถึงทุกวันนี้ เสี้ยววินาทีที่รูนี่ย์เปลี่ยนแผนกลางอากาศ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพียงประตูเดียวที่แฟนบอลจดจำได้ เพราะตลอดการค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูนี่ย์ลงสนามไป 559 นัด ยิง 253 ประตู กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร เขาทำประตูได้ในทุกรายการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ, แชมเปียนส์ลีก…
-
ตำนานแมนยูคนไหน ที่ไม่เคยได้จับแชมป์ UCL กับเขาเลย?
ตำนานแมนยู ที่ไม่เคยได้แชมป์ UCL คือใคร? ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วย UCL สูงสุดแห่งโพเดี้ยมของความเป็นนักฟุตบอล ถ้วยหูใหญ่ที่ไม่ว่าใครก็ใฝ่ฝันเพราะมากกว่าแค่การันตีฝีเท้าและทีม แต่สื่อให้โลกได้รู้ว่า คุณเคยยืนอยู่บนยอดของทวีปเหนือใคร ที่น่าสนใจคือ สำหรับตำนานแมนยูบางคน ความฝันอันเลิศเลอนี้ไม่เคยมีอยู่จริงกับพวกเขา ทั้ง 3 ครั้งที่ได้แชมป์ของทีม 2 ครั้งล่าสุดยุคเรืองรองพวกเขาไม่ได้ชูถ้วยนี้ ทั้ง แมนยู 1999 , 2008 และนั่นทำให้กลายเป็น “ตำนานที่ขาดหาย” ขาดไปซึ่งเครื่องยืนยันความสำเร็จตัวโต ๆ นั่นคือ การเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เสน่ห์ถ้วยบิ๊กเอียร์ที่นักเตะทุกคนโหยหา การได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์คือการได้รับการยอมรับจากทั้งโลก มันคือเกียรติยศที่บอกว่าคุณคือส่วนหนึ่งของทีมที่ดีที่สุดในยุคนั้น และในห้องแต่งตัว ถ้วยนี้ยังเป็นเหมือนตราประทับที่ปิดฉากบทพิสูจน์ของนักเตะว่าพวกเขาได้ไปถึงจุดสูงสุดของเส้นทางอาชีพ ถ้วยบิ๊กเอียร์ หรือ ยูโรเปี้ยน คัพ เดิม ถือกำเนิดขึ้นในปี 1955 เพื่อหาทีมสโมสรที่ดีที่สุดในทวีปยุโรป ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 1992 และปรับระบบการแข่งขันให้ดูสนุกมากขึ้น โดยปัจจุบันรายการนี้มีทีมจากลีกต่าง ๆ ทั่วยุโรปเข้าร่วม โดยโควตาขึ้นอยู่กับแรงกิ้งของสมาคมฟุตบอลประเทศนั้น ๆ…
-
อะไรทำให้ทีมชุดตำนาน แมนยู 1999 ถึงยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล?
เส้นทางสู่ทีมตำนานแมนยูชุดปี 1999 การเดินทางสู่การเป็นตำนานงดงามมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้ดีว่าฤดูกาลนี้จะต้องเจอกับโปรแกรมโหดทั้งเกมในประเทศและบอลยุโรป เขาจึงเริ่มปรับแผนฝึกซ้อมและโภชนาการของนักเตะให้เข้ากับการเล่นสามรายการใหญ่แบบต่อเนื่อง แผนลับของเฟอร์กูสันก่อนเริ่มฤดูกาล สิ่งที่แฟนบอลส่วนใหญ่ไม่รู้คือ เฟอร์กูสันถึงขั้นปรับเวลาซ้อมให้ตรงกับช่วงเวลาลงแข่งในยุโรป เพื่อให้ร่างกายนักเตะคุ้นกับสภาพอากาศและแรงกดดันจากแฟนบอลเจ้าถิ่น นอกจากนี้ยังจำลองสถานการณ์เกมเยือนในสนามที่เสียงดังกดดัน เพื่อฝึกให้ผู้เล่นตัดสินใจแม่นยำแม้ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมทีมชัด ในบางเซสชัน เขาถึงกับสั่งให้ผู้ช่วยโค้ชและสตาฟวิ่งตัดไลน์การจ่ายบอลหรือขวางทางในพื้นที่จำกัด เพื่อบังคับให้นักเตะคิดเร็วขึ้นและหาทางแก้สถานการณ์ในเสี้ยววินาที เทคนิคที่เป็นหนึ่งในกุญแจที่ทำให้ผู้เล่นแมนยู 1999 สามารถรับมือกับเกมเยือนสุดกดดันในยุโรปและยังคงเล่นได้อย่างแม่นยำภายใต้ความโกลาหล แมนยู 1999 รายชื่อ และบทบาทของผู้เล่นคนสำคัญ ในทีมชุดนี้มีทั้งซูเปอร์สตาร์และผู้เล่นที่ทำงานหนักเงียบ ๆ รายชื่อที่คุ้นหูอย่างปีเตอร์ ชไมเคิล, รอย คีน, เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล, อาจถูกจดจำในไฮไลต์บ่อยครั้ง แต่ยังมีนักเตะอย่าง เฮนิง เบิร์ก และเวส บราวน์ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในเกมรับ และช่วยทีมเก็บคลีนชีตในแมตช์ที่ตึงเครียด บทบาทเงียบของพระรองที่นำไปสู่ 3 แชมป์ ชื่อนักเตะอย่างเบิร์กและบราวน์ อาจไม่ได้เป็นที่ต้องตาของแฟนบอลที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่าพระรองอย่างพวกเขา มักได้รับมอบหมายให้ลงในเกมยุโรปหรือเกมที่คู่แข่งมีจุดเด่นด้านลูกกลางอากาศ…
-
รุด ฟาน นิสเตลรอย หายไปไหนจากบทสนทนาของแฟนบอล?
รุด ฟาน นิสเตลรอย คือนักเตะประเภทไหนในสายตาแฟนแมนยู? ไม่มีแฟนบอลแมนยูคนไหนเถียงว่า รุด คือเครื่องจักรทำประตูในยุคที่ทีมยังเต็มไปด้วยสตาร์ยืนเบียดกันเต็มห้องแต่งตัว จุดเด่นเรื่องการยืนตำแหน่งของเขาถูกยกให้เป็นศิลปะในแบบที่กองหน้าสมัยใหม่ที่ต้องใช้สัญชาตญาณเท่านั้น เรื่องครองบอล เลี้ยงโชว์ อาจไม่ใช่คำโฆษณาที่เหมาะกับเขา แต่ถ้าเรื่องจบสกอร์หน้าเส้นประตู ขอให้มา เขาพร้อมจบให้ไม่ว่าสถานการณ์จะของเกมจะกดดันแค่ไหน นี่คือสไตลการเล่นของเขา จุดเด่นของสไตล์การเล่น เส้นทางจากดัตช์สู่โรงละครแห่งความฝัน รุดเริ่มต้นจากเดน บอสช์ ทีมเล็ก ๆ ในเนเธอร์แลนด ก่อนย้ายไปฮีเรนวีนและพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และที่นั่นเขากลายเป็นดาวซัลโวจนทำให้เป็นเป้าหมายของทีมใหญ่ จนที่สุดแมนยูคว้าตัวเขามาร่วมทีมในปี 2001 ด้วยค่าตัวราว 19 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสโมสร ณ ตอนนั้น ที่น่าสนใจคือ ดีลนี้เกือบล่มเพราะบาดเจ็บหัวเข่าหนัก แต่เมื่อฟื้นตัว เขาก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการยิงกระจายตั้งแต่ลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ทำไมดาวยิงแมนยูรายนี้ถึงถูกมองว่าถูกลืม? ด้วยคุณสมบัติความคมที่ไม่เป็นสองรองใคร มันฟังดูไม่ยุติธรรมเลยถ้าคุณจะพูดถึงตำนานแมนยูโดยไม่มีเขา แต่ที่น่าเข้าใจได้คือ รุดเล่นในยุคที่แมนยูมีซูเปอร์สตาร์ล้นทีม กล้องและสื่อมักไปโฟกัสที่คนอย่างกิ๊กส์, สโคลส์ หรือโรนัลโด้ ไม่น่าสนใจว่าทำไมชื่อของพี่ม้ากลับถูกกลบ ด้วยสตาร์เหล่านี้ แม้เขาจะยิงได้ต่อเนื่องหลายฤดูกาล ยุคทองที่ถูกกลบด้วยแสงของคนอื่น ในพรีเมียร์ลีกความเด่นของ รุด อาจไม่ถูกบันทึกอย่างเจิดจ้าเท่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือ เขาคือเครื่องจักรถล่มประตูที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขาดไม่ได้ เขามีศิลปะการเคลื่อนที่หาช่องเพื่อโอกาสทำสกอร์ในกรอบเขตโทษ…
-
รวม คำคมตำนานแมนยู ที่ปลุกใจแฟนบอลได้ทุกยุค
คำคมตำนานแมนยู ใดที่แฟนบอลพูดถึงมากที่สุด? ในบรรดาคำคมหลายร้อยประโยคของสโมสร มีไม่กี่คำที่ถูกยกให้เป็น “ประโยคอมตะ” ที่แม้แฟนบอลทีมอื่นจดจำแถมยังถูกนำไปใช้อยู่เสมอ ตัวอย่างเช่นประโญคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยพูดไว้ว่า “Attack wins you games, defence wins you titles” — เกมรุกทำให้คุณชนะนัดหนึ่ง แต่เกมรับทำให้คุณคว้าแชมป์ อาจจะดูเหมือนแค่คำสอนด้านแท็กติกใน Boots Room แต่ถ้ามองเชิงลึกไปกว่านั้น มันคือปรัชญาของแมนยูในยุคทอง เครื่องสะท้อนของสไตล์บอลในทุกยุค เน้นสมดุลระหว่างความดุดันและความรัดกุม จนสามารถนำทีมไปสู่ความสำเร็จอันมหาศาลของผีแดงอันเกรียงไกลจนใครยากจะเทียบในยุค คลาส 92 แมนยู ไร้เทียมทาน คำคมที่เปลี่ยนเกม ก่อนจะไปต่อ คำสวยพวกนี้เป็นมากกว่าแค่คำพูด เพราะมันมีเรื่องราวและชัยชนะรองรับ หลังจากนี้เราจะเจาะลึกไปยังคำพูดที่เปลี่ยนความรู้สึกของแฟนบอลตลอดกาล คำพูดนักเตะแมนยูที่เปลี่ยนมุมมองแฟนบอลตลอดกาล บางครั้งที่บางคำพูดในบางสถานการณ์ มันเป็นมากกว่าแค่คำธรรมดา คำปลุกใจในสนาม หรือคำตำหนิให้ปรับปรุงรูปแบบการเล่นของนักเตะแต่ละคนในเกม แต่มันเปลี่ยนวิธีคิดที่แฟนบอลมองสโมสรไปตลอดได้ด้วย อาทิ พอล สโคลส์ ที่มักพูดสั้นแต่มีพลัง หรือกับ คิง เอริก ที่มาพร้อมประโยคปรัชญาการใช้ชีวิตผสมกับทัศนคติในเกมฟุตบอล 5 คำพูดที่ฝังใจแฟนบอล…
-
รู้จักกับ คลาส 92 คืออะไร? ทำไมเป็นรากฐานตำนานแมนยู
จุดเริ่มตำนานที่ชื่อว่า “คลาส 92 แมนยู” ที่น่าสนใจของนักเตะรุ่นทองแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดคือทางแมนยูภายใต้การดูแลของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และทีมงานอะคาเดมี มีแผนคัดกรองนักเตะตั้งแต่พวกเขาอายุไม่ถึง 15 ปี การรวมตัวครั้งประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อทีมเยาวชนคว้าแชมป์ FA Youth Cup และนักเตะหลายคนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญ!! แมนยูใช้ระบบฝึกซ้อมที่เข้มงวดแบบ “Military Precision” คือมีการกำหนดตารางฝึกซ้อมเหมือนทหารฝึกภาคสนาม ไม่มีใครได้สิทธิ์พิเศษแม้แต่คนเดียว แมนยูฯ กับวินัยเหล็กสไตล์กองทัพ: Military Precision สำหรับ คลาส 92 แมนยู พวกเขาถูกขัดเกลาด้วยระบบที่เข้มงวดและแม่นยำดั่งทหาร ทุกนาทีในชีวิตถูกจัดระเบียบ เข้มงวด ตั้งแต่เวลาตื่นจรดปิดไฟนอน วินัยนี้ไม่ใช่เพื่อสร้าง “แค่นักบอล” แต่เพื่อสร้างนักสู้ที่พร้อมลุยพรีเมียร์ลีกได้โดยไม่เกรงกลัวใคร จากอะคาเดมีสู่แสงสปอร์ตไลท์พรีเมียร์ลีก เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกส่งขึ้นทีมชุดใหญ่เพราะสโมสรใจดี แต่เพราะพวกเขาผ่านบททดสอบโหดในอะคาเดมี ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมในสภาพอากาศเลวร้าย การวิ่งจับเวลาแบบไม่หยุด และการแข่งภายในที่ตัดสินกันด้วยเสี้ยววินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขามีทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ พอมองลึกลงไป จะเห็นว่าความสำเร็จของคลาสนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการเตรียมการอย่างประณีต เหมือนช่างทองที่ขัดเกลาเพชรจนส่องประกาย ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังบทต่อไปที่ทุกคนอยากรู้ว่า “พวกเขามีใครบ้าง” รายชื่อฮีโร่ใน “คลาส…
-
จอร์จ เบสต์ คือใคร? เกี่ยวอะไรกับเดอะบีทเทิลส์
จอร์จ เบสต์ คือใคร และเส้นทางสู่การเป็นตำนานแมนยู แม้แฟนบอลรุ่นใหม่อาจรู้จักชื่อเขาจากภาพขาวดำหรือเรื่องเล่า แต่เส้นทางของเบสต์นั้นไม่ธรรมดา เขาเกิดที่เบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเริ่มโชว์แววอัจฉริยะลูกหนังตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่แมวมองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะดึงตัวเข้าสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในวัยเพียง 15 ปี จุดเริ่มต้นและบ้านเกิด จอมเลี้ยงแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดเติบโตในย่านครูแกน เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งฟุตบอลคือวิถีชีวิตของผู้คน เขาเริ่มเล่นให้ทีมเยาวชนครูแกน สตาร์ส และโดดเด่นจนแมวมองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดค้นพบเมื่ออายุเพียง 15 ปี ในยุคของ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่เห็นแววและดึงเขามาร่วมทีมเมื่อปี 1961 ก่อนจะได้ลงเล่นชุดใหญ่ในปี 1963 ประวัติช่วงเด็กของเขาเต็มไปด้วยการเล่นบอลข้างถนน ฝึกทักษะเลี้ยงหลบคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า และความเป็นนักสู้บวกกับความมั่นใจที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกจำความได้ การเข้าสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผลงานเด่นช่วงแรก เมื่อได้โอกาสลงสนามให้แมนยู เทพบุตรมหาภัยใช้เวลาไม่นานในการสร้างความฮือฮา และดึงความสนใจจากแฟนบอลผ่านจำนวนสกอร์ ฟอร์มการเล่น และฝีเท้าที่ช่วยให้ทีมคว้าชัยเป็นกอบเป็นกำ แม้จะมีความสำเร็จมากมาย พ่วงมาไว้ด้วยความนิยมส่วนตัวภายใต้นิยาม คิง อิริค แต่สิ่งที่ทำให้คันโตนาโดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่องถ้วยรางวัล หากแต่คือวิธีที่เขาเล่นและคาร์แรคเตอร์ที่เขาถ่ายทอดสู่ลูกฟุตบอลที่ทำให้คนทั้งสนามรอเฮได้ทุกวินาที ความไม่เหมือนใครของเขาเป็นยังไง ลองไปส่องกันดู เมื่อผลงานในสนามโดดเด่นจนโลกจับตามอง ก็ถึงเวลาที่เราต้องเจาะลึกสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่คู่แข่งเกรงใจและแฟนบอลหลงรัก ฝีเท้าและสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร…
-
เอริก คันโตนา อะไรทำให้เขากลายเป็นตำนานแมนยูในใจแฟนบอล?
เส้นทางสู่การเป็นตำนานของเอริก คันโตนา การมาของคันโตนา ไม่ได้แค่ย้ายทีมทั่วไปตามตลาดช่วงซัมเมอร์ แต่คือการเริ่มต้นย้าย “อำนาจ” ของลีกมาไว้ที่โรงละครแห่งความฝัน ด้วยสติของนักรบและสัญชาตญาณของศิลปิน จากดาวเด่นลีกเอิง สู่ชิ้นส่วนที่หายไปของเฟอร์กี้ตามหามานาน ปักหมุดสู่ยุคใหม่ให้สโมสรในทันทีที่สวมเสื้อผีแดง ทุกสัมผัสแรกของเขาเหมือนคำประกาศว่า “ยุคที่รอคอยจบลงแล้ว ถึงเวลาของทีมข้า” นี่คือจุดเริ่มต้นของตำนาน แต่สลักด้วยชัยชนะและบุคลิกที่กดสนามให้ทุกสายตาในสนามต้องหันมามองเมื่อจังหวะที่เขาครองบอล จุดเริ่มต้นและเส้นทางก่อนเข้าสู่แมนยู คิง เอริก เริ่มอาชีพกับโอแซร์ในฝรั่งเศส ก่อนจะย้ายไปลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ปี 1991–92 การย้ายมาแมนยูในปี 1992 ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเขากลายเป็นชิ้นส่วนที่หายไปของเฟอร์กี้ ทำให้ทีมจากที่รอคอยแชมป์ลีกมานาน 26 ปี กลับมาคว้าได้ในฤดูกาลถัดมา เส้นทางความสำเร็จของคันโตน่าในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาล เขาลงเล่นกว่า 180 นัด ยิง 82 ประตู และพาทีมคว้า: แม้จะมีความสำเร็จมากมาย พ่วงมาไว้ด้วยความนิยมส่วนตัวภายใต้นิยาม คิง อิริค แต่สิ่งที่ทำให้คันโตนาโดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่องถ้วยรางวัล หากแต่คือวิธีที่เขาเล่นและคาร์แรคเตอร์ที่เขาถ่ายทอดสู่ลูกฟุตบอลที่ทำให้คนทั้งสนามรอเฮได้ทุกวินาที…
-
11 ผู้เล่นในฝันของตำนานแมนยูมีใครบ้าง?
เกณฑ์ในการเลือก 11 ผู้เล่นตำนานแมนยู? การจะติด 11 ตัวจริงในทีมในฝันของแมนยู แค่ยิงเยอะหรืออยู่กับทีมนานอาจไม่พอ แต่ประเด็นสำคัญคือสร้างเอฟเอฟใหญ่ให้กับทีมจนกลายเป็นรอยเท้าในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เป็นนักเตะที่แฟนบอลพูดถึงด้วยความเคารพ ไม่ว่าผ่านไปกี่สิบปี เป็นเหตุผลว่าทุกตำแหน่งจะถูกคัดเลือกอย่างมีหลักเกณฑ์ และใช่…ไม่ใช่แค่ชื่อดัง แต่ต้อง “ของจริง” เหมาะสมกับคำว่าตำนานอย่างสมเกียรติ เมื่อรู้แล้วว่าเกณฑ์การคัดเลือกไม่ได้ง่ายดาย การพิจารณาว่า “ใครควรติด” ย่อมเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เราจะไปดูว่ากูรูและอดีตนักเตะตัวจริง เขาจัดทีมในฝันแมนยูไว้ยังไงบ้าง ใครบ้างที่ติดทีมในฝันของแมนยูตามสายตากูรูระดับโลก? อ้างอิงข้อมูลจากบรรดากูรูฟุตบอลชื่อดังหลายสำนักเคย ได้เปิดเผย “11 ผู้เล่นตำนานแมนยู” จากมุมมองของตัวเอง โดยเฉพาะอดีตนักเตะและนักวิเคราะห์จาก Sky Sports, BBC และ FourFourTwo ซึ่งมักมีรายชื่อซ้ำกันอยู่บ้างในบางตำแหน่ง แต่นั่นแหละ… ไม่ต้องห่วงเพราะแต่ละรายชื่อต่อไปนี้คือ ตัวจริงที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานแน่นอน รายชื่อที่มักปรากฏซ้ำในหลายแหล่ง Top Secret: สิ่งที่แฟนบอลทั่วไปอาจไม่รู้ รู้หรือไม่ว่าอดีตนักเตะแมนยูระดับตำนานอย่างไบรอัน ร็อบสัน เคยบอกว่า “ถ้าให้จัดทีมในฝันแบบไม่เอาความนิยมมาเกี่ยว จะเลือกคนอย่างเดนิส เออร์วินก่อนเบ็คแฮมเสมอ” เพราะเออร์วินคือ “กองหลังที่ไม่เคยเล่นต่ำกว่ามาตรฐานเลยแม้แต่นัดเดียว” แต่แน่นอนว่าแค่มาตรฐานฝีเท้าที่คงเส้นคงว่าอาจไม่เพียงพอกับเกณฑ์ของการตำนาน เมื่อถึงเวลาจัดทีมจริงแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง คุณจะเห็นโฉมหน้า 11 ตัวจริงที่ไม่อาจปฎิเสธถ้าจะให้พวกเขาลงไปเล่นเพื่อทีม ใครบ้างอาจตกหล่นจากทีมในฝันที่แฟนบอลยังถกเถียงไม่จบ?…
-
ไขความลับ พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางผีแดง
พอล สโคลส์ กับบทบาทความสำเร็จของแมนยู ตลอดระยะเวลากว่า 19 ปีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด พอล สโคลส์ ไม่เคยเป็นเพียงแค่ตัวเลือกเสริม แต่คือ “ตัวหลัก” ที่ไม่อาจแทนที่ได้ เขาเล่นภายใต้ผู้จัดการทีมที่เข้มงวดอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และอยู่ในทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 11 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, เอฟเอคัพ 3 สมัย และถ้วยอื่น ๆ อีกมากมาย เขาคือ “ขุมพลังเงียบ” ที่ทีมพึ่งพา ไม่ว่าจะในจังหวะที่ต้องการควบคุมเกมหรือการสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุก เรื่องราวชาวแก็งค์ของ สโคลส์ และกลุ่ม 1992 ที่กลายมาเป็นตำนานสร้างความสำเร็จให้ผีแดงมีมีอะไรบ้าง ตามไปดูเลย รุ่นเยาวชนชุดทองคำ 1992 ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์แมนยู และในเมื่อเรารู้แล้วว่าเขาเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้แมนยูประสบความสำเร็จระดับประวัติศาสตร์ คำถามต่อมาก็คือ สโคลส์ ใช้ “เครื่องมืออะไร” ในการเปลี่ยนเกมให้เป็นของตัวเอง? คำตอบอยู่ในสไตล์การเล่นที่ไม่ต้องวิ่งเร็ว ไม่ต้องโยนไกล แต่ชัดเจนทุกจังหวะ…ชนิดที่นักเตะบางคนฝึกทั้งชีวิตก็อาจยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ สไตล์การเล่นของพอล สโคลส์ สร้างความได้เปรียบให้ทีมอย่างไร? สโคลส์คือคนที่ทำให้…