
George
Best
แข้งพรสวรรค์เรามีให้เห็นมากมาย ทั้งกลายเป็นตำนานบ้าง ดับไปบ้าง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวข้ามขอบเขตของกีฬาและกลายเป็นไอคอนในวัฒนธรรมสมัยนิยมได้บ่อย ๆ และรู้หรือไม่ว่า “จอร์จ เบสต์” คือหนึ่งในนั้น
เขาไม่ได้เป็นเพียงนักเตะที่สร้างความตื่นตาในสนาม แต่ยังเป็นผู้ชายที่มีสไตล์การแต่งตัวและบุคลิกเฉพาะตัวจนแฟนบอลทั้งในและนอกสนามต้องหันมามอง เบสต์ทำให้คำว่า “นักเตะในตำนานแมนยู” มีความหมายที่ลึกซึ้งขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของฝีเท้า แต่รวมถึงวิถีชีวิตและภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นทั้งนักฟุตบอลและแฟชั่นไอคอนในคนเดียว ยิ่งทำให้เขาโดดเด่นน่าสนใจกว่าใคร วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้นกัน
จอร์จ เบสต์ คือใคร และเส้นทางสู่การเป็นตำนานแมนยู
แม้แฟนบอลรุ่นใหม่อาจรู้จักชื่อเขาจากภาพขาวดำหรือเรื่องเล่า แต่เส้นทางของเบสต์นั้นไม่ธรรมดา เขาเกิดที่เบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเริ่มโชว์แววอัจฉริยะลูกหนังตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่แมวมองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะดึงตัวเข้าสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในวัยเพียง 15 ปี
จุดเริ่มต้นและบ้านเกิด
จอมเลี้ยงแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดเติบโตในย่านครูแกน เมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งฟุตบอลคือวิถีชีวิตของผู้คน เขาเริ่มเล่นให้ทีมเยาวชนครูแกน สตาร์ส และโดดเด่นจนแมวมองแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดค้นพบเมื่ออายุเพียง 15 ปี ในยุคของ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่เห็นแววและดึงเขามาร่วมทีมเมื่อปี 1961 ก่อนจะได้ลงเล่นชุดใหญ่ในปี 1963 ประวัติช่วงเด็กของเขาเต็มไปด้วยการเล่นบอลข้างถนน ฝึกทักษะเลี้ยงหลบคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า และความเป็นนักสู้บวกกับความมั่นใจที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกจำความได้

การเข้าสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผลงานเด่นช่วงแรก
เมื่อได้โอกาสลงสนามให้แมนยู เทพบุตรมหาภัยใช้เวลาไม่นานในการสร้างความฮือฮา และดึงความสนใจจากแฟนบอลผ่านจำนวนสกอร์ ฟอร์มการเล่น และฝีเท้าที่ช่วยให้ทีมคว้าชัยเป็นกอบเป็นกำ
- ประเดิมสนามในปี 1963
- ยิงประตูสำคัญในแมตช์ใหญ่ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20
- เป็นกำลังสำคัญในชุดคว้าแชมป์ลีกและยูโรเปียนคัพ
แม้จะมีความสำเร็จมากมาย พ่วงมาไว้ด้วยความนิยมส่วนตัวภายใต้นิยาม คิง อิริค แต่สิ่งที่ทำให้คันโตนาโดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่องถ้วยรางวัล หากแต่คือวิธีที่เขาเล่นและคาร์แรคเตอร์ที่เขาถ่ายทอดสู่ลูกฟุตบอลที่ทำให้คนทั้งสนามรอเฮได้ทุกวินาที ความไม่เหมือนใครของเขาเป็นยังไง ลองไปส่องกันดู
เมื่อผลงานในสนามโดดเด่นจนโลกจับตามอง ก็ถึงเวลาที่เราต้องเจาะลึกสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่คู่แข่งเกรงใจและแฟนบอลหลงรัก
ฝีเท้าและสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร
สถิติและภาพในสนามยืนยันว่าเขาสามารถลากบอลผ่านกองหลังได้ทีละหลายคน แม้จะถูกประกบติดก็ยังหาทางหมุนหลบหรือเปลี่ยนจังหวะได้ในเสี้ยววินาที จุดแข็งของเขาคือการใช้สองเท้าได้อย่างสมดุล ยิงได้ทั้งซ้ายและขวา และมีการเร่งสปีดจังหวะ ดึงช้าสู่เร็วแบบเฉียบพลันจนคู่แข่งเสียหลักไม่ทันตั้งตัว การเลี้ยงของเขาจึงเป็นมากกว่าทักษะ มันคือการควบคุมสถานการณ์ในสนามให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ
จุดเด่นทางเทคนิคและการเล่นบอล
เบสต์ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากสื่อต่างประเทศในเรื่องสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร เขาเป็นนักเตะที่รวมเอาความเร็ว เทคนิค ความสมดุล การหลอกล่อคู่แข่ง ความสามารถในการใช้เท้าทั้งสองข้าง การจบสกอร์ และการผ่านคู่แข่งได้อย่างง่ายดายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
คุณสมบัติทั้งหมดนี้ส่งให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่มีทักษะครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ความโดดเด่นของเบสต์คือเขาไม่ได้พึ่งเพียงความเร็วหรือเรื่องการเลี้ยงบอลติดเท้า แต่ใช้การผสมผสานทุกองค์ประกอบในสนามอย่างชาญฉลาด จนคู่แข่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะหยุดเขาได้
เมื่อเบสต์ปฏิเสธย้ายไปเรอัล มาดริด
ด้วยฟอร์มที่เปรี้ยงป้างไม่แปลกที่ทีมระดับ เรอัล มาดริด จะยื่นข้อเสนอมหาศาลในยุครุ่งเรือง แต่เบสต์กลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่แทบไม่มีใครรู้ แต่มีประเด็นที่อาจทำให้แฟนบอลผีแดงชื่นใจที่ว่า เขาเคยเผยกับเพื่อนสนิทว่า “ไม่ต้องการเป็นเพียงนักเตะที่ดีในทีมใหญ่ ผมอยากเป็นนักเตะที่แฟนบอลจำได้ทุกลมหายใจที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ความภักดีแบบนี้คือสิ่งที่ทำให้เขาถูกจดจำเหนือกว่าความสำเร็จใด ๆ
ตัวเลขสถิติที่บอกคุณค่าของเขา
- ลงสนามให้แมนยู 470 นัด
- ยิงได้ 179 ประตู
- ได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป(Ballon d’Or) ในปี 1968
- ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และยูโรเปียนคัพ 1 สมัย
นี่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากฝีเท้าอันน่าทึ่งแล้ว เบสต์ยังสร้างกระแสในวงการแฟชั่นที่ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนทำได้มาก่อน


จอร์จ เบสต์ กับเดอะบีทเทิลส์ เกี่ยวกันยังไง?
เบสต์ถูกขนานนามว่า “The Fifth Beatle” นั่นไม่ใช่เพราะทรงผมม็อปสไตล์เต่าทองของเขา แต่มาจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี 1966 หลังแมนยูชนะเบนฟิก้า 5‑1 ในยูโรเปียนคัพรอบ 8 ทีม เขายิงประตูสองลูกและโชว์ฟอร์มโดดเด่นในสนาม จนสื่อโปรตุเกสตั้งฉายาให้ว่า “O Quinto Beatle” (เดอะ ฟิฟธ์ บีทเทิล) เปรียบว่าเขาเป็นหนึ่งในวง Beatles อย่างไม่เป็นทางการ เพราะทั้งหน้าตา ทรงผม ม็อปสไตล์ และบุคลิกเฉิดฉายของเขาเข้ากันกับสไตล์ของวงมากเกินนั่นเอง
สไตล์การแต่งตัวและเอกลักษณ์นอกสนาม
เพราะสไตล์การแต่งตัวที่ล้ำยุค เขานิยมสวมสูทเข้ารูปที่ตัดเย็บอย่างประณีต ใช้ผ้าคุณภาพสูงที่นั่งหรือเดินก็ยังคงทรงสวย กางเกงขาบานที่เป็นแฟชั่นลอนดอนยุค 60s เสริมความพลิ้วและความเนี้ยบในคราวเดียว รองเท้าหนังมันวาวบ่งบอกความเป็นผู้ดีอังกฤษ แต่ซ่อนไว้ด้วยเสน่ห์กบฏจากการเลือกดีไซน์แปลกตาหรือสีที่ตัดกับกฎเกณฑ์แบบเดิม เขายังชอบใส่เสื้อเชิ้ตคอปกแหลม หรือเสื้อคอเต่าใต้สูท ซึ่งเป็นการผสมความเนี้ยบและความเซ็กซี่ในแบบร็อกสตาร์ที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่าใครในสนามและนอกสนาม
อิทธิพลของเบสต์เรื่องแฟชั่นนักฟุตบอล
- ทำให้นักฟุตบอลกล้าสร้างแบรนด์แฟชั่นของตนเอง
- เปิดประตูให้วงการกีฬาและแฟชั่นมาบรรจบกัน
- เป็นแรงบันดาลใจให้กับไอคอนแฟชั่นวงการกีฬาในยุค 80s–90s
เมื่อแฟชั่นและฟุตบอลถูกผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สิ่งที่เหลือไว้หลังจากเบสต์อำลาสนาม จึงไม่ใช่แค่ความทรงจำ แต่เป็นมรดกที่เปลี่ยนวัฒนธรรมของสโมสรไปตลอดกาล
มรดกและอิทธิพลที่จอร์จ เบสต์ทิ้งไว้
เบสต์จากไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 ด้วยวัย 59 ปี ณ โรงพยาบาลครอมเวลล์ในลอนดอน หลังเผชิญกับการติดเชื้อที่ปอดและภาวะล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน นับเป็นจุดจบของชีวิตที่ฉายภาพความเป็น “นักเตะในตำนานแมนยู” ที่แฝงด้วยความทุกข์ ทั้งจากปัญหาสุขภาพและการต่อสู้กับแอลกอฮอล์ในช่วงท้ายชีวิต
เขาค้าแข้งกับผีแดงอยู่ 11 ปี ช่วงปี 1963–1974 จากนั้นก็ย้ายไปกับหลายสโมสรในหลายประเทศทั้ง สหรัฐ, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์ และออสเตรเลีย จนประกาศประกาศแขวนสตั๊ดครั้งแรกเมื่ออายุ 27 ปี ในปี 1974 เพื่อมุ่งมั่นทำธุรกิจส่วนตัว แต่เขายังกลับมาเล่นในสโมสรต่าง ๆ อีกหลายแห่งก่อนจะวางสตั๊ดแบบถาวรในช่วงทศวรรษ 1980
ผลต่อวัฒนธรรมสโมสรและแฟนบอล
แฟนบอลแมนยูจำนวนมากมองว่าเขาคือแรงบันดาลใจให้ทีมเดินหน้าด้วยความมั่นใจ ความสร้างสรรค์ และการไม่กลัวที่จะเป็นตัวของตัวเอง สไตล์โดดเด่นในแบบของเขา ถ้า เอริก คันโตนา คือศิลปินลูกหนังของทีมผีแดง พ่อมดลูกหนัง คนนี้ เบสต์ ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าแต่อย่างใด แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับแฟน ๆ นั้นน้อยเกินไปเท่านั้น

การถูกจดจำในฐานะไอคอนทั้งในและนอกสนาม
- ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
- ชื่อของเขาถูกกล่าวถึงในฐานะแรงบันดาลใจทั้งในเรื่องกีฬาและสไตล์ชีวิต
- ถูกบรรจุในหอเกียรติยศฟุตบอลอังกฤษ
จอร์จ เบสต์ คือบทพิสูจน์ว่าความเป็น “นักเตะในตำนานแมนยู” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนประตูเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างมรดกทั้งในสนามและในจิตใจแฟนบอล เขาคือผู้ชายที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นศิลปะ และศิลปะกลายเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล แล้วคุณล่ะ พร้อมจะเป็นคนที่กล้าสร้างตำนานในแบบของตัวเองหรือยัง? ถ้าใช่ก็เริ่มเลยตอนนี้สิ จะรออะไรอยู่
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.