
gary
neville
แม้จะวางสตั๊ดไปตั้งแต่ปี 2011 แต่ แกรี่ เนวิลล์ ก็ไม่เคยหายไปจากหน้าสื่อหรือความสนใจของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และวงการฟุตบอลอังกฤษ
ว่าด้วยนักเตะกองหลังระดับตำนานผีแดง เข้าหนัก เตะเป็นเตะ ฟาวล์เป็นฟาวล์ คว้าทุกแชมป์กับผีแดง ตอนนี้เส้นทางหลังเลิกเล่นมีความหลากหลายเกินกว่าที่หลายคนคิด ไม่ว่าจะเป็น นักวิเคราะห์ฟุตบอล, โค้ช, ไปจนถึงการเป็น นักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมบทบาทในสังคมที่มีน้ำหนักพอ ๆ กับการยืนบนเส้นข้างสนาม เขายังคงใช้ความคิดแบบเดียวกับตอนเป็นกัปตันทีม — จริงจัง, ตรงไปตรงมา, และไม่กลัวจะพูดความจริง — ในทุกสิ่งที่ทำหลังจากเลิกเล่น
แกรี่ เนวิลล์ทำอะไรหลังเลิกเล่น?
หลังแขวนสตั๊ด ในยุคการคุมทีมของผู้ปั้นเขาขึ้นมาเป็นตำนานของทีม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เนวิลล์ไม่ได้หายตัวไปพักผ่อนยาว เขาก้าวเข้าสู่วงการสื่อแทบจะในทันทีด้วยการร่วมงานกับ Sky Sports ในฐานะนักวิเคราะห์ฟุตบอล การเริ่มต้นครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการเตรียมตัวที่ยาวนาน เขาเคยถูกสื่ออังกฤษยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่พูดชัด, วิเคราะห์คม และไม่กลัวที่จะวิจารณ์ใครแม้จะเป็นเพื่อนร่วมอาชีพก็ตาม
การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วงการทีวี
สิที่หลายคนไม่รู้คือ ระหว่างยังค้าแข้ง เนวิลล์มักใช้เวลาหลังซ้อมนั่งดูวิดีโอเกมย้อนหลัง พร้อมจดบันทึกข้อสังเกต เหมือนเป็นการซ้อมพูดและซ้อมวิเคราะห์แบบเงียบ ๆ จนติดเป็นนิสัย พฤติกรรมที่สะท้อนถึงความตั้งใจและแผนที่เขาวางไว้ก่อนจะแขวนเกือก ซึ่งเชื่อได้เลยว่า แฟนผีจำนวนน้อยคนนักที่จะเชื่อว่าเขาสามารถทำบทบาทนี้ได้ดี

จุดเปลี่ยนจากนักเตะสู่สื่อมืออาชีพ
เขาเปิดตัวในฐานะคอมเมนเตเตอร์ด้วยน้ำเสียงมั่นใจและข้อมูลแน่น จนแฟนบอลบางคนถึงกับบอกว่า “เนวิลล์เป็นคนเดียวที่ทำให้การฟังวิเคราะห์หลังเกมสนุกพอ ๆ กับการดูเกมจริง” เนวิลล์วิเคราะห์เกม “เอล กลาซิโก้” ระหว่างเรอัล มาดริด กับบาร์เซโลนาในปี 2015
เขาเจาะลึกแท็กติกการเพรสซิ่งของบาร์ซ่าแบบเฟรมต่อเฟรม อธิบายว่าทำไมการเคลื่อนที่ของผู้เล่นเพียงหนึ่งคน ถึงสามารถบีบให้มาดริดเสียจังหวะทั้งทีมได้ พร้อมชี้ให้เห็นการแก้เกมของฝั่งตรงข้ามแบบที่คนดูทั่วไปอาจไม่ทันสังเกต ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เปิด “สมุดเพลย์บุ๊ก” ของโค้ชระดับโลกกลาง ได้เข้าใจวิถีการมองเกมให้ลึกขึ้นมากกว่าแค่จังหวะบอลเข้าประตู
อย่างไรก็ตามแม้จะประสบความสำเร็จบนหน้าจอจนคนดูคุ้นชินกับบทบาทใหม่นี้ หัวใจของเนวิลล์ยังคงอยู่กับลูกฟุตบอล และมันพาเขาไปสู่บทบาทใหม่ที่นักฟุตบอลหลังเลิกเล่นพยายามเป็นคือ “เส้นทางโค้ช”
บทบาทโค้ชที่ไม่สวยหรูของเนวิลล์
ปี 2012 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของรอย ฮอดจ์สัน และเพียงไม่กี่ปีต่อมาก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ ในสถานะเฮดโค้ชคุมบาเลนเซียในลาลีกา สเปน ประสบการณ์ที่ไม่น่าจำสำหรับเขา แต่สิ่งที่เขาได้มาคือเรื่องบทเรียนที่สอนให้เขาเข้าใจคนมากกว่าแค่เกมในสนาม
3 บทเรียนจากการคุมบาเลนเซีย
- ภาษาเป็นอาวุธและอุปสรรค – เนวิลล์พูดสเปนได้เพียงเล็กน้อย ทำให้การสื่อสารกับนักเตะเป็นเรื่องท้าทาย
- การบริหารทีมต่างวัฒนธรรม – สไตล์ตรงไปตรงมาของเขาไม่ใช่สิ่งที่นักเตะสเปนทุกคนคุ้นเคย
- การตัดสินใจที่ต้องเร็ว – ลาลีกามีแรงกดดันจากสื่อและแฟนบอลมหาศาล การคุมทีมในสภาพแวดล้อมนั้นต่างจากพรีเมียร์ลีกอย่างสิ้นเชิง
ทำไมแม้ล้มเหลวแต่ยังถูกมองว่าเป็นผู้นำ
แม้สถิติการคุมบาเลนเซียจะไม่สวยนัก ความสำเร็จไม่มี ภาษีคำว่าแชมป์ไม่เคยใกล้ แต่คนในวงการยอมรับว่าเนวิลล์นั้นมีความกล้าพอ กล้าที่จะออกจาก “คอมฟอร์ทโซน” และเผชิญความเสี่ยง ที่โอกาสล้มจะมีสูงเพื่อเติบโตในบทบาทที่เขารักและปรารถนาผ่านแรงบันดารใจแบบ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โค้ชผู้สร้างเขาให้เป็นตำนานของแมนยูไนเต็ด
- คุมทีมทั้งหมด: 28 นัด
- ชนะ: 10 นัด
- เสมอ: 7 นัด
- แพ้: 11 นัด
แม้บทบาทโค้ชจะสั้น แต่สิ่งที่เนวิลล์ได้กลับมา คือความเข้าใจในเกมที่ลึกขึ้น และนั่นทำให้บทบาทนักวิเคราะห์ของเขาคมชัดยิ่งกว่าเดิม

นักวิเคราะห์ฟุตบอลที่แฟนบอลจับตา
การวิเคราะห์ของเนวิลล์ไม่ใช่แค่การบอกว่าใครเล่นดีหรือแย่ แต่เป็นการแยกชิ้นเกมออกมาให้คนดูเข้าใจยุทธวิธี เหมือนอ่านหนังสือกลยุทธ์ผ่านจอทีวี เขาสามารถอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการเคลื่อนที่ของกองกลาง หรือการปรับไลน์กองหลัง จนคนดูที่ไม่เคยเล่นบอลก็พอจะเข้าใจเกมมากขึ้น

สไตล์การวิเคราะห์เฉพาะตัว
เขามักใช้วิดีโอย้อนหลังชี้ให้เห็นจังหวะเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนผลลัพธ์ของเกม เช่น การยืนตำแหน่งเพียงก้าวเดียว หรือการตัดสินใจจ่ายบอลในจังหวะที่คู่แข่งเผลอ
เนวิลล์ & คาร์ราเกอร์ คู่หูนักวิเคราะห์สุดลงตัว
เนวิลล์ อดีตตัวดุของแมนยู กับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังสเกาเซอร์ลิเวอร์พูลคู่ปรับตลอดกาล ใครก็เห็นว่าไม่มีทางจะมาอยู่ร่วมจอกันง่าย ๆ แต่กลายเป็นว่า ทั้งคู่ได้มาเป็นคู่หูนักวิเคราะห์วิจารณ์ที่ได้รับความนิยมสูงในวงการทีวี พวกเขานำประสบการณ์ตรงจากสนามมาวิเคราะห์เกมอย่างลึกซึ้งและตรงไปตรงมา พร้อมเติมเต็มด้วยสไตล์การพูดที่มีอารมณ์ขันและกวนใจ ทำให้การวิเคราะห์ของพวกเขาทั้งสนุกและให้ข้อมูลเชิงลึกในเวลาเดียวกัน
ด้วยเคมีที่เข้ากันดีและความคิดที่ไม่เหมือนกันในบางประเด็นจนบางคนคิดว่าต้องมีเรื่อง ทำให้การพูดคุยโต้ตอบของทั้งคู่เต็มไปด้วยสีสันและความน่าสนใจ แกรี่กับเจมี่ไม่เพียงแค่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นต้นแบบของนักวิเคราะห์ฟุตบอลมืออาชีพที่ทำให้แฟนบอลติดตามและชื่นชอบ แม้เกมจะจบแล้วแต่ก็อยากนั่งดูพวกเขาต่อ
จากหน้าจอทีวี เนวิลล์ก้าวต่อไปสู่สนามธุรกิจ และใช้ชื่อเสียงของเขาสร้างอิทธิพลในวงกว้าง
แกรี่ เนวิลล์ในบทบาทนักธุรกิจและผู้สร้างสังคม
นอกจากงานสื่อ เนวิลล์ยังเป็นเจ้าของโรงแรม, ศูนย์ฝึกฟุตบอล และร่วมลงทุนใน Salford City สโมสรเล็ก ๆ ที่กำลังไต่ขึ้นสู่ลีกอาชีพ ความทะเยอทะยานของเขาไม่เคยหยุดอยู่แค่ในสนามฟุตบอล พร้อมทั้งยังมีส่วนร่วมในธุรกิจและการลงทุนที่สำคัญเพื่อสังคมด้านฟุตบอลและชุมชน เขาร่วมกับอดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รุ่นเดียวกันอย่างเดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, ฟิล เนวิลล์ และไรอัน กิกส์ ถือหุ้นและเทคโอเวอร์สโมสรซัลฟอร์ด ซิตี้ (Salford City) สโมสรฟุตบอลในลีกล่างของอังกฤษ เพื่อพัฒนาทีมฟุตบอลและส่งเสริมชุมชนในพื้นที่นั้น โดยมีเป้าหมายที่จะนำสโมสรนี้ขึ้นไปสู่พรีเมียร์ลีกในอนาคต
การลงทุนและการเข้ามาบริหารของแกรี่ เนวิลล์ในซัลฟอร์ด ซิตี้ นอกจากจะเป็นการช่วยฟื้นฟูและพัฒนาทีมฟุตบอลแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนรอบๆ สโมสร สร้างงานและส่งเสริมกิจกรรมในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของการบริหารทีมฟุตบอลระดับล่างโดยอดีตนักเตะที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง
ทั้งนี้ เขายังมีบทบาทในการเรียกร้องและสนับสนุนให้มีการควบคุมและกำกับดูแลการลงทุนต่างชาติในวงการฟุตบอลอังกฤษเพื่อปกป้องประโยชน์ของสโมสรและแฟนบอล

โครงการเพื่อสังคมที่หลายคนไม่รู้
เขาเคยเปิดโรงแรมของตัวเองในแมนเชสเตอร์ให้คนไร้บ้านพักฟรีตลอดช่วงฤดูหนาว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การให้เตียงนอนและหลังคา แต่ยังมีการจัดหาอาหารร้อน เสื้อกันหนาว และพื้นที่ปลอดภัยจากสภาพอากาศที่โหดร้าย นอกจากนี้ เนวิลล์ยังจัดกิจกรรมการกุศลอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการฝึกฟุตบอลให้เยาวชนในชุมชน และการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กที่ขาดโอกาส เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านพลังของกีฬาและการศึกษา
เส้นทางหลังเลิกเล่นของ แกรี่ เนวิลล์ พิสูจน์ว่า ความเป็นตำนานไม่ได้จบลงเมื่อคุณแขวนสตั๊ด แต่สามารถขยายออกไปในหลายมิติ ทั้งการเป็น นักวิเคราะห์ฟุตบอล, โค้ช, นักธุรกิจ และ ผู้สร้างสังคม แม้เขาจะไม่ใช่คนที่ทุกคนเห็นด้วยเสมอ แต่ความตรงไปตรงมาและความกล้าคือสิ่งที่ทำให้เขายังคงเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองที่สุดของแมนยูตลอดกาล แล้วคุณล่ะ พร้อมจะนำบทเรียนของเนวิลล์ไปใช้กับเส้นทางของตัวเองหรือยัง?
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.